สิ่งหนึ่งที่ทุกบ้านจะต้องมี เพราะต้องใช้กันทุกเพศทุกวัย และส่วนใหญ่จะไว้ใช้เป็นของส่วนตัว มีทั้งขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ หลายสี หลายลวดลาย แล้วแต่ความชอบและการเลือกใช้ของแต่ละคน แน่นอนเรากำลังพูดถึงสิ่งที่เมื่อทุกคนจะอาบน้ำจะต้องนำสิ่งนี้เข้าไปด้วย นั่นก็คือ “ผ้าขนหนู” หรือ “ผ้าเช็ดตัว” นั่นเอง เพราะทุกครั้งที่เราอาบน้ำ ล้างหน้า หรือเมื่อที่ร่างกายเรานั้นเปียกชื้น จะต้องใช้ผ้าขนหนูซับน้ำที่เกาะตามผิวและบริเวณต่าง ๆ ของร่างกายให้แห้ง เพื่อความสบายตัวแล้ว การใช้ผ้าขนหนูซับน้ำให้แห้งสนิทนั้น ยังเป็นการป้องกันโรคผิวหนังต่าง ๆ รวมไปถึงเชื้อราผิวหนังที่มีสาเหตุมาจากความเปียกชื้นอีกด้วย
ผ้าเช็ดตัวที่เรามักคุ้นเคยและใช้กันประจำในครัวเรือนนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นผ้าขนหนูแบบทอลักษณะฝีเข็มเดียว ทำให้ผ้าขนหนูมีความบาง แต่เมื่อเราไปพักตามโรงแรมหรือรีสอร์ทต่าง ๆ สังเกตได้ว่า ผ้าขนหนูของโรงแรมจะมีความหนา และมีข้อแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังซับน้ำได้ดี เช็ด ๆ ซับ ๆ น้ำไม่กี่ครั้ง ตัวก็แห้งแล้ว ทำไมกันนะ ใครเคยสงสัยบ้าง แล้วถ้าเราต้องการจะหาซื้อมาใช้บ้าง จะต้องทำอย่างไร ก่อนอื่นเรามาดูความแตกต่าง ระหว่างผ้าขนหนูทั่วไปกับผ้าขนหนูตามโรงแรมกันก่อน
ประเภทของผ้าขนหนู
ผ้าขนหนูที่ใช้กันในครัวเรือนทั่วไป มักจะเป็นผ้าขนหนูขนเดี่ยว คือ ผ้าขนหนูที่ทอด้วย 1 ฝีเข็มตลอดทั้งผืน ทำให้ผ้ามีความบาง ขนหลุดรุ่ยได้ง่าย แต่เมื่อใช้จะรู้สึกว่าขนฟู นุ่ม และมีน้ำหนักเบา
ผ้าขนหนูโรงแรม จะใช้การทอแบบผ้าขนหนูขนคู่ คือ ทอผ้าด้วย 2 ฝีเข็มตลอดผืน ทำให้ผ้ามีความหนาและแน่น มีน้ำหนักกว่าผ้าขนหนูขนเดี่ยว ขนติดแน่นไม่รุ่ยง่าย เป็นผ้าขนหนูซับน้ำได้ดีกว่าแบบผ้าขนเดี่ยว และยังใช้งานได้นาน ทนทานต่อการซักมากกว่า ทำให้ธุรกิจโรงแรมและห้องพักต่าง ๆ นิยมใช้ผ้าขนหนูชนิดนี้ในองค์กร อีกทั้งผ้าขนหนูโรงแรมสวยงามเรียบหรูดูดี เพิ่มมูลค่าให้กับสถานที่ได้อีกด้วย
ทำไมผ้าขนหนูโรงแรมจึงซับน้ำได้ดีกว่า
ก่อนอื่นเรามาดูผ้าเช็ดตัวที่นิยมใช้มีกี่ประเภทกันก่อน
- ผ้าขนหนูที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติ จะมีข้อดีที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว หรือก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ต่าง ๆ และไม่ก่อให้เกิดกระแสไฟฟ้าสถิต เนื่องจากผ้าที่ได้จากการทอด้วยเส้นใยธรรมชาติแบบนี้ จะมีความอ่อนนุ่มค่อนข้างสูง ซึมซับน้ำได้ดี ซึ่งที่นิยมใช้กันคือ เส้นใยฝ้าย หรือ ผ้าฝ้าย ภาษาอังกฤษ cotton ที่มีความพิเศษขึ้นไปอีกคือ ยิ่งซักก็ยิ่งนุ่ม และเส้นใยลินิน หรือ linen นั่นเอง
- ผ้าขนหนูทำจากเส้นใยกึ่งสังเคราะห์ คือการนำวัสดุที่ได้จากธรรมชาติมาทำเป็นเส้นใย แล้วนำไปปรับโครงสร้าง เพื่อให้มีคุณสมบัติเหมาะกับการใช้งานได้มากขึ้น ทำให้ผ้าขนหนูที่ผลิตจากเส้นใยสังเคราะห์มีลักษณะนุ่ม ลื่น ไม่หดตัวง่าย ระบายความชื้นได้เร็ว ส่วนใหญ่เส้นใยสังเคราะห์ที่ถูกนำมาใช้ผลิตผ้าเช็ด ได้แก่ เส้นใยเรยอน (Rayon) และ เส้นใยแบมบูชาร์โคล (Bamboo Charcoal)
- ผ้าขนหนูทำจากเส้นใยสังเคราะห์ คือ ผ้าขนหนูที่ผลิตจากเส้นใยสังเคราะห์ล้วน ๆ ซึ่งประกอบไปด้วย เส้นใยโพลีเอสเตอร์ โพลีเอไมด์ โดยผสมกันในส่วนที่เหมาะสม เช่น ผ้าเช็ดตัวไมโครไฟเบอร์ เป็นต้น โดยผ้าขนหนูชนิดนี้จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป ตามอัตราส่วนของเส้นใยที่นำมาใช้ในการผลิต ซึ่งส่วนใหญ่จะมีน้ำหนักเบา ระบายอากาศได้ดี ซึมซับน้ำได้ดี พกพาง่าย มีความนุ่มในระดับหนึ่ง และใช้ได้ทนทาน
ผ้าขนหนูที่ใช้ในโรงแรมไม่ว่าจะเป็นผ้าขนหนูโรงแรม 5 ดาว หรือผ้าขนหนูโรงแรม 6 ดาว จะนิยมผ้าขนหนูที่ใช้เส้นใยธรรมชาติ คือ ใยฝ้ายหรือคอตตอน ด้วยคุณสมบัติของผ้าฝ้าย ที่มีความนุ่ม ซับน้ำได้ดีแต่ก็ระบายอากาศได้ดีเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นคือยิ่งซักก็ยิ่งนุ่ม ทนต่อการซักล้าง ทำให้มีอายุการใช้งานได้นาน ไม่เปื่อยยุ่ยง่าย เรียกได้ว่าใช้งานได้อย่างคุ้มค่า และเมื่อนำมาบวกกับลักษณะการทอแบบ 2 ฝีเข็ม ยิ่งทำให้เนื้อผ้าแน่น หนา ซับน้ำได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ผ้าขนหนูโรงแรมมีคุณภาพในการใช้งานสูง และสร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้งาน เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจห้องพักได้ไม่ยาก อีกทั้งผ้าขนหนูโรงแรมมีอายุการใช้งานได้นาน ทำให้ช่วยลดต้นทุนเพราะไม่ต้องซื้อเปลี่ยนบ่อย
ผ้าขนหนูโรงแรมซื้อที่ไหนดี
เมื่อผ้าขนหนูโรงแรมเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคทั่วไป มากกว่าเพียงแค่จะจำกัดในการใช้เพียงแค่ในธุรกิจที่พักอย่างโรงแรมหรือรีสอร์ทหรูเท่านั้น แน่นอนว่าย่อมต้องมีช่องทางจำหน่าย เพื่อสนองความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันสามารถหาซื้อผ้าขนหนูโรงแรมไทยที่มีมาตรฐานเดียวกันกับผ้าขนหนูของโรงแรมระดับชั้นนำ เพราะเป็นแหล่งผลิตเดียวกันที่ส่งจำหน่ายให้กับธุรกิจโรงแรมนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีจำหน่ายในช่องทางออนไลน์ เพียงแต่อาจต้องเสี่ยงกับคุณภาพที่จะได้ ว่าตรงตามต้องการมากน้อยแค่ไหน และคุ้มค่ากับการจ่ายไปหรือไม่ เพราะการซื้อของทางออนไลน์ที่ไม่สามารถเห็นเนื้อผ้าจริงได้ ก็เป็นธรรมดาเหมือนกับการสั่งของออนไลน์ทั่วไป ที่อาจได้ของมีคุณภาพดี หรืออาจเป็นของที่ไม่ตรงความต้องการก็ได้ ดังนั้นเลือกซื้อกับแหล่งผลิตที่น่าเชื่อถือ จะได้ของใช้ที่คุ้มค่าต่อการใช้งาน และคุ้มค่าต่อการลงทุน