32 ปี แห่งการจากไปของเจ้าของวลี “ผมขอพูดในนามสัตว์ป่า” นักอนุรักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ ตำนานแห่งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ผู้เป็นต้นแบบของข้าราชการไทย มือสะอาด หัวใจซื่อ และยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นสำคัญ สืบ นาคะเสถียร
วันที่ 1 กันยายน ของทุกปี ถูกยกให้เป็นวัน สืบ นาคะเสถียร เพื่อเป็นการรำลึกถึงความเสียสละและสานต่อเจตนารมณ์ในการอนุรักษ์ผืนป่าและธรรมชาติ โดยมีทั้งมูลนิธี สืบ นาคะเสถียร และพี่น้องผู้มีใจอนุรักษ์ ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย ที่เกี่ยวเนื่องการดูรักษาธรรมชาติ สำหรับใครที่อาจเคยได้ยินชื่อ หรือมูลนิธิมาก่อน หรือพอรู้คร่าว ๆ ก็ตาม บทความนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ สืบ นาคะเสถียร เพิ่มขึ้น
ประวัติ สืบ นาคะเสถียร
สืบ นาคะเสถียร เดิมมีชื่อว่า “สืบยศ” และมีชื่อเล่นว่า “แดง” เกิดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2492 ที่ ต.ท่างา อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นบุตรคนโตของ นาย สลับ นาคะเสถียร อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี กับ นางบุญเยี่ยม นาคะเสถียร โดยเมื่อถึงวัยได้รับการศึกษา ก็ได้เข้าเรียนที่ โรงเรียนเซ็นต์หลุยส์ จ.ฉะเชิงเทรา ร่วมกิจกรรมโรงเรียน ด้วยการเป็นนักเป่าทรัมเป็ต (มือหนึ่ง) และด้วยความชื่นชอบในด้านการวาดรูป จนได้เป็นตัวแทนโรงเรียนด้านจิตรกรรมอีกด้วย
จากนั้น สืบ ได้เข้าเรียนต่อระดับอุดมศึกษา โดยเลือกเรียนคณะวนศาสตร์ ด้านการป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติ ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และศึกษาต่อระดับปริญญาโท สาขาวนวัฒน์วิทยา คณะวนศาสตร์ จนสำเร็จการศึกษา จากนั้น เขาได้ทำการสอบเข้ากรมป่าไม้ได้ในปี 2518 แต่กลับเลือกที่จะทำงานที่กองอนุรักษ์สัตว์ป่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขาเขียว-เขาชมพู่ จังหวัดชลบุรี เพราะคิดว่าจะได้ทำงานอย่างใกล้ชิดสัตว์ป่า และสามารถนำองค์ความรู้ที่มีมาใช้ประโยชน์ได้มากกว่า จนกระทั่งปี 2522 สืบ ได้รับทุน British Council เพื่อศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ที่ University of London ประเทศอังกฤษ
สืบ นาคะเสถียร ได้สำเร็จการศึกษาในปี 2524 และได้รับตำแหน่งหัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบางพระ จังหวัดลพบุรี และเริ่มงานวิจัยแรกด้วยการศึกษา การทำรังวางไข่ของนกบางชนิดเพื่ออนุรักษ์ และยังทำการปกป้องที่อยู่อาศัยของเหล่าสัตว์ต่าง ๆ อีกด้วย จนกระทั่งปี 2530 – 2531 เขาได้เดินหน้าคัดค้านโครงการต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบกับที่อยู่อาศัยของสัตว์ อันเนื่องมาจากมนุษย์ ทั้งการสร้างเขื่อนน้ำโจน ในจังหวัดกาญจนบุรี คัดค้านการสัมปทานทำไม้ของบริษัทไม้อัดไทย ที่ป่าห้วยขาแข้ง และทุกครั้งเมื่อจะเริ่มอภิปราย เขาจะใช้คำว่า “ผมขอพูดในนามของสัตว์ป่า”
ปี 2532 สืบ นาคะเสถียร ได้รับทุนเรียต่อปริญญาเอกที่ประเทศอังกฤษ แต่เขากลับปฏิเสธ เพราะเลือกที่จะเข้ารับตำแหน่ง “หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง” ป่าอุดมสมบูรณ์ที่มีพื้นที่ครอบคลุมถึง 3 จังหวัด ได้แก่ ตาก กาญจนบุรี และ อุทัยธานี เป็นป่าที่ยังอุดมสมบูรณ์อยู่มาก ไม่มีชาวบ้านรุกล้ำเข้าอยู่อาศัยในผืนป่า ทำให้ยังมีสัตว์พันธุ์หายากเป็นจำนวนมาก ซึ่งนับว่ามีความสำคัญต่อการศึกษา หาความรู้ทางธรณีวิทยา และชีววิทยา แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าคือ เขาจะได้ทำการดูแลปกป้องเหล่าสรรพสัตว์และผืนป่าที่เขารักยิ่ง
ตลอดระยะเวลาที่ สืบ นาคะเสถียร ได้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าเขตฯ และทำงานในนามของข้าราชการ ผู้ดูแลผืนป่าไทยและสัตว์ป่าให้คงดำรงอยู่ เขาต้องเจอกับอุปสรรคและปัญหามากมาย ทั้งจากนักล่าสัตว์ นักลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ชาวบ้านรอบบริเวณห้วยป่าขาแข้ง ที่ทำหน้าที่เจ้าบ้านพานักล่าในเมืองมาทำลายป่าในบ้านตนเสียเอง และที่หนักกว่านั้น คือ เหล่าผู้มีอิทธิพลทั้งหลาย ทั้งในเครื่องแบบ ผู้มีสี มียศตำแหน่งสูง ที่ใช้เครื่องแบบเพื่อการรักษามาทำลายป่าเสียเอง สืบ ต้องต่อสู้รอบทิศ แต่ว่าเขาไม่เคยย่อท้อ พยายามต่อสู้ทุกหนทาง และดิ้นรนอย่างไม่หมดหวัง แม้ว่าหลายครั้งที่รู้สึกโกรธและผิดหวังทุกครั้งที่ลูกน้องและเพื่อนร่วมงานต้องถูกฆ่าตาย โดยไร้การช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เขาพยายามติดต่อและเรียกร้องเสมอมา
สืบ นาคะเสถียร ยังคงมุ่งมั่นด้วยความหวัง แม้จะผิดหวังทุกครั้งหลังจากพยายามติดต่อขอความร่วมมือจากหน่วยงานนอกบริเวณป่าห้วยขาแข้ง เพราะเขารู้แล้วว่า เขาถูกลอยแพจากผู้ใหญ่ที่ส่งเขามายังผืนป่าแห่งนี้แล้วแน่นอน สืบ ทำการเขียนรายงานและนำเสนอหน่วยงานสากลครั้งแล้วครั้งเล่า จนในที่สุด UNESCO ได้อนุมัติให้ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรและห้วยขาแข้ง เป็น มรดกโลก ซึ่งจะได้รับการคุ้มครองตามกกของยูเนสโก และยังส่งผลให้ผืนป่าของไทยเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ทำให้ป่าห้วยขาแข้งยังคงเป็นป่าอุดมสมบูรณ์อย่างที่ควรจะเป็นจนถึงทุกวันนี้ และนี่คือผลงานจากความพยายามที่ไม่เคยย่อท้อของ สืบ นาคะเสถียร
แต่…ปัญหาภายในที่สะสมมานานและซับซ้อนเกินกว่าที่ สืบ จะแก้ไขได้เพียงลำพัง ปัญหาคอร์รัปชัน ส่วย ระบบราชการไทย รวมไปถึงความยากจนของชาวบ้าน จนต้องยอมขายวิญญาณของป่าให้กับนักล่าในเมือง อีกทั้งการใส่ร้ายป้ายสีของผู้มีอิทธิพล เพื่อกำจัดเขาออกไปให้พ้นนอกเส้นทางการทำเงิน ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดพร้อมกันทุกทิศทาง ผู้ร่วมอุดมการณ์ต่างถูกฆ่าตาย ไร้การเหลียวแลอย่างจริงใจ มีเพียงหน้ากากอสรพิษเท่านั้นที่เขาเจอ และฟางเส้นสุดท้าย ที่อาจจะช่วยเป็นใบเบิกทางให้เสียงของเขาดังมากพอ จนทำให้ทุกคนได้ยิน และหันมามองถึงปัญหาการทำลายป่า เสียงปืน 1 นัด ในป่า แต่ดังจนสื่อต่าง ๆ ยังได้ยิน หลังจากมีการพาดหัวข่าว บนสื่อพิมพ์ต่าง ๆ ถึงการจากไปของ สืบ นาคะเสถียร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง กลับดังมากกว่าเสียงของชายผู้ทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์มาตลอด ทุกหน่วยงานตั้งแต่ หัวหน้ากรมป่าไม้ นายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด ไปจนถึง นายตำรวจ ทหาร ที่มียศตำแหน่งสูง ร่วมเข้าประชุมเพื่อปรึกษาหารือ เพื่อแก้ไขปัญหาการทำลายป่าและลักลอบค้าสัตว์ป่าอย่างจริงจัง
น่าเสียดายที่เขาไม่ได้เห็นด้วยตาของเขาเอง แต่ สืบ คือผู้จุดประกายให้อีกหลายคนหันมาให้ความสนใจกับการอนุรักษ์ทรัพยาการธรรมชาติและสัตว์ป่ามากขึ้น แม้ว่าเสียงปืนจะดังกว่าคำพูด ที่เขาพยายามเปล่งและตะโกนร้องเรียกมาหลายปี แต่การทำอัตวิบาตรกรรม (ฆ่าตัวตาย) และเหลือไว้เพียงแค่จดหมาย 1 ฉบับ ที่มีเจตจำนงค์ในการเรียกร้องให้หน่วยงานราชการและสังคม หันมาสนใจปัญหาการทำลายป่าไม้อย่างจริงจัง แน่นอนว่ามันได้ผล แม้จะต้องแลกกับชีวิตหนึ่ง แต่ช่วยรักษาได้อีกหลายร้อยหลายพันชีวิตในผืนป่าไทย และนี่คือทั้งหมดของปูชนียบุคคลแห่งผืนป่า นามว่า สืบ นาคะเสถียร