วันที่ 21 มีนาคม ของทุกปี คือ วันป่าไม้โลก (World Forestry Day) หรือ วันป่าไม้สากล (International Day of Forests) ซึ่งถูกจัดตั้งขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญของป่าไม้ ทรัพยากรสำคัญที่มีผลต่อระบบนิเวศของโลก โดยในปีนี้วันป่าไม้โลก 2566 ตรงกับวันอังคาร ที่ 21 ซึ่งก็คือวันนี้นั่นเอง
ทั่วโลกได้มีการจัดกิจกรรมวันป่าไม้โลก รวมถึงทุกหน่วยงานและกรมป่าไม้ในประเทศไทยก็เช่นกัน เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนได้หันมาตระหนักถึงปัญหาของป่าไม้ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ ด้วยป่าไม้ถูกทำลายไปเป็นจำนวนมากทั้งในทางตรงและทางอ้อม จนส่งผลต่อระบบชีวิตมนุษย์และสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีแนวโน้มว่า มนุษย์ อาจสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ในอนาคตอันใกล้ จากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั่วโลกอย่างรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ สภาพอากาศและมลพิษที่มีผลต่อสุขภาพ และดูเหมือนว่า อาหารและน้ำอาจไม่เพียงพอต่อประชากรทั่วโลกในเร็ว ๆ นี้ด้วยเช่นกัน เพราะแหล่งผลิตอาหารและปอดของโลกอย่างผืนป่าถูกทำลาย ซึ่งทั้งหมดเกิดมาจากฝีมือมนุษย์ทั้งสิ้น
ประโยชน์ของป่าไม้มีอะไรบ้าง
ป่าไม้ หมายถึง ชีวิตของทุกสรรพสิ่งบนโลก เพราะ ป่าไม้ คือ แหล่งปัจจัยสำคัญของชีวิต ตั้งแต่ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค
ประโยชน์ทางตรงของป่าไม้ (Direct Benefits)
- อาหาร จากส่วนต่าง ๆ ของพืช
- เครื่องนุ่งห่ม จากเส้นใยพืช เปลือกไม้ และเถาวัลย์
- ที่อยู่อาศัยและอื่น ๆ จากไม้ เช่น บ้าน เฟอร์นิเจอร์ วัสดุก่อสร้าง
- ยารักษาโรค จากทุกส่วนของพืชสมุนไพร
- ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น กระดาษ ไม้ขีดไฟ ฟืน เป็นต้น
ประโยชน์ทางอ้อมของป่าไม้ (Indirect Benefits)
- ป่าไม้คือแหล่งกำเนิดต้นน้ำลำธาร เพราะต้นไม้ในป่าทำหน้าที่คอยดูดซับความชื้นและน้ำฝนที่ตกลงมาในดิน กลายเป็นน้ำใต้ดิน ไหลซึมไปยังแหล่งน้ำต่าง ๆ เช่น ห้วย คลอง บึง แม่น้ำ ทำให้ลำธารมีน้ำหล่อเลี้ยงอยู่เสมอและมีน้ำไหลตลอดปี
- ป่าไม้มีผลต่อความชุ่มชื้นและสภาพอากาศ เนื่องจากไอน้ำที่เกิดจากการหายใจของพืช ซึ่งมีอยู่มากมายในป่า ทำให้สภาพอากาศเหนือป่าและรอบ ๆ ป่ามีความชื้นสูง และเมื่ออุณหภูมิต่ำลง ไอน้ำเหล่านั้นจะถูกกลั่นให้เป็นเมฆแล้วกลายเป็นฝนตกลงสู่พื้นดิน เกิดความชุ่มชื้นและพืชพรรณเจริญเติบโต จากนั้นป่าก็จะดูดซับและกักเก็บน้ำฝนเหล่านั้นไว้เป็นน้ำใต้ดิน กลั่นเป็นไอน้ำ และเกิดฝนในรอบต่อ ๆ ไป เป็นวงจรอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ทำให้ฝนตกตามฤดูกาล ไม่แห้งแล้ง
- ป่าไม้เป็นเครื่องป้องกันภัยธรรมชาติทางยุทศาสตร์ เนื่องจากป่าไม้ช่วยป้องกันความรุนแรงของพายุ และควบคุมปริมาณน้ำตามแหล่งน้ำไม่ให้สูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนล้นฝั่งกลายเป็นอุทกภัย
- ป่าไม้ช่วยป้องกันการกัดเซาะหน้าดินจากลมพายุและน้ำฝน ไม่ให้เกิดการหลุดเลื่อนของดิน ทำให้แม่น้ำลำธารไม่ตื้นเขิน
- ป่าไม้คือแหล่งธรรมชาติที่มีอากาศบริสุทธิ์ มีก๊าซออกซิเจนจำนวนมาก มีความสวยงามที่เกิดขึ้นเองโดยไม่มีใครเป็นผู้สร้าง จึงเหมาะต่อการเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของผู้คน นอกจากนี้ป่ายังมีนานาพันธุ์พืชและสัตว์มากมายให้ได้ศึกษาเรียนรู้ ป่าจึงเป็นเสมือนห้องเรียนขนาดใหญ่ของทุกคน
- ป่าไม้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์หลายชนิด ซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีค่าสำคัญและเชื่อมโยงต่อระบบนิเวศ
การอนุรักษ์ป่าไม้ในไทย
ทุก ๆ ปี พื้นที่ป่าได้ถูกทำลายจากการถางป่าเพื่อพื้นที่การเกษตร และกิจกรรมอื่น ๆ ของมนุษย์ หากเทียบจำนวนผืนป่าที่ต้องสูญเสียไปในแต่ละปี อาจมากกว่า 20 เอเคอร์ หรือเทียบเท่าสนามฟุตบอล 50 แห่ง ที่หายวับไปภายในเพียง 1 นาที
ปัญหาของป่าไม้ในไทยมีมานาน ทั้งการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า การรุกรานพื้นที่ป่า การล่าสัตว์เพื่อการค้า แต่ไม่ได้รับการแก้ปัญหาเท่าที่ควร อันเนื่องมาจากปัญหาการคอร์รัปชั่นและสินบน ระหว่างนายทุนและข้าราชการไทย จวบจนกระทั่ง สืบ นาคะเสถียร ข้าราชการใจซื่อ มือสะอาด ผู้อุทิศตนคอยเป็นตัวแทนในการเป็นปากเป็นเสียงให้กับป่าและสัตว์ป่าทั้งหลาย แต่น่าเสียดายที่ครั้งยังมีชีวิตอยู่ เสียงของเขากลับไม่ดังพอ แต่เสียงปืนปลิดชีพของเขากลับดังกว่าจนสามารถปลุกหลายคนให้ตื่นขึ้นจากภวังค์ ลืมตาจากที่ปิดมานานแล้วหันมาสนใจ และให้ความสำคัญของป่า ทั้งในภาครัฐและเอกชนก่อตั้งโครงการและนโยบายมากมายสำหรับรักษาผืนป่า รวมถึงประชาชนได้รณรงค์ปลูกจิตสำนึกและจัดตั้งมูลนิธิอนุรักษ์สัตว์และป่าไม้ตามรอยชายที่ชื่อ สืบ นาคะเสถียร มาจนถึงปัจจุบัน
แต่ถึงอย่างนั้น ผืนป่าไทยก็ลดน้อยลงทุกปี เพราะยังคงมีการบุกรุกและถางป่าทำเป็นที่อยู่อาศัย และการเกษตรกรรม จนสัตว์ป่าหายากบางชนิดสูญพันธุ์ในที่สุด ธรรมชาติขาดความสมดุล เป็นเหตุให้เกิดสภาวะอากาศแปรปรวน ฝนตกไม่ตามฤดูกาล และภาวะโลกร้อนอย่างที่เราทุกคนรู้กันดีโดยไม่จำเป็นต้องอธิบาย
ประโยชน์ของการอนุรักษ์ป่าไม้
แน่นอนว่าประโยชน์ของการอนุรักษ์ป่าไม้ ย่อมตรงกันข้ามกับผลกระทบที่ได้จากสูญเสียป่าตามที่เราได้กล่าวกันมาบ้างแล้ว หากจะให้มองเห็นภาพง่าย ๆ ของประโยชน์ที่จะได้จากการอนุรักษ์ป่า เช่น ระบบนิเวศสมดุล ลดโลกร้อน มีแหล่งน้ำกินน้ำใช้ ไม่แห้งแล้ง เพิ่มปริมาณออกซิเจนในอากาศ สิ่งแวดล้อมดีขึ้น มลพิษลดลง มีแหล่งท่องเที่ยวและศูนย์เรียนรู้ธรรมชาติ สัตว์มีที่อยู่อาศัย และมีแหล่งรวมความหลากหลายทางชีวภาพของโลก เมื่อมีป่า ธรรมชาติเกิดความสมดุล ส่งผลให้ระบบนิเวศดีขึ้น คุณภาพชีวิตของเราทุกคนดีตามไปด้วย และเกิดการพัฒนาในทุก ๆ ด้านได้อย่างยั่งยืน
เริ่มต้นเร็วย่อมเห็นผลเร็ว เริ่มต้นช้า … อาจไม่เหลือป่าให้เริ่มใหม่อีกเลย