วันประสูติพระโพธิสัตว์กวนอิม
วันเกิดเจ้าแม่กวนอิม หรือ องค์หญิงเมี่ยวซ่าน คือ วันที่ 19 เดือน 2 ตามปฏิทินจันทรคติจีน โดยในปีนี้ วันประสูติพระโพธิสัตว์กวนอิม ตรงกับวันศุกร์ที่ 10 มีนาคม ตามปฏิทินไทยบ้านเรา และคนไทยจำนวนมากที่เลื่อมใส ศรัทธา และให้ความเคารพนับถือพระแม่กวนอิม รวมถึงผู้เขียนเองก็เช่นกัน
เมื่อได้ยินคำว่า พระโพธิสัตว์ คนส่วนใหญ่จะนึกพระแม่กวนอิม เพราะเรามักจะได้รับรู้ถึงประวัติแห่งความเมตตา มีความอบอุ่นดั่งมารดา แต่แฝงไปด้วยความเข้มแข็งดุจบิดา อีกทั้งคุณธรรมอันเปี่ยมล้น และความเสียสละอันมากมายที่เราต่างได้ยินได้รับรู้ต่อกันมา และเนื่องจากวันนี้เป็นวันคล้ายวันประสูติพระแม่กวนอิม เรามาร่วมระลึกถึงพระองค์ด้วยประวัติพระแม่กวนอิม หรือพระธิดาเมี่ยวซ่าน ตามตำนานที่เล่าขานสืบต่อกันมาค่ะ
สมัยราชวงศจิ้น อาณาจักรซิงหลิงของจีนถูกปกครองโดยกษัตริย์พระนาม ฮ่องเต้เมี่ยวจวง มีมเหสีพระนาม ฮองเฮาเซี่ยวหลิน และมีพระราชธิดาด้วยกัน 3 พระองค์ โดยเรียงตามลำดับดังนี้ องค์หญิงเมี่ยวอิม องค์หญิงเมี่ยวหยวน และองค์หญิงเมี่ยวซ่าน (พระแม่กวนอิม) เป็นพระราชธิดาองค์เล็ก หรือ องค์หญิงสาม แห่งเมืองซิงหลิง
องค์หญิงเมี่ยวซ่านประสูติวันที่ 19 เดือน 2 ตามปฏิทิน จันทรคติจีน มีนิสัยใฝ่รู้ ชอบศึกษาทั้งในด้านศิลปวิทยาการแพทย์ การปกครอง ปรัชญาจีนโบราณ โดยเฉพาะปรัชญาชีวิต เพื่อหาคุณค่าและความหมายของชีวิต องค์หญิงเมี่ยวซ่านมีจิตใจดีมีเมตตา โอบอ้อมอารีต่อสรรพสัตว์ทั้งปวง ใส่ใจดูแลบ่าวไพร่ ไม่ถือยศศักดิ์ จึงเป็นที่รักของผู้คนมากมาย แตกต่างจากพี่สาวที่เป็นพระราชธิดาอีก 2 พระองค์ และ ฮ่องเต้เมี่ยวจวงผู้เป็นพระราชบิดา
ฮ่องเต้เมี่ยวจวงเป็นกษัตริย์ที่มีจิตใจโหดร้าย ต้องการความเป็นใหญ่ กระหายสงครามเพื่อสร้างอาณาจักร เกณฑ์แรงงานคนไปรบ ทำให้ผู้คนมากมายล้มตาย พลัดพรากจากคนรักและครอบครัว ทำให้หลายครอบครัวแตกแยกและสูญหาย เป็นหม้าย กำพร้าพ่อแม่ ประชาชนยากไร้ อัตคัต ขัดสน และไร้ซึ่งความผาสุก อันมาจากการปกครองโดยกษัตริย์ไร้คุณธรรม เนื่องจากในสมัยนั้นศาสนาพุทธยังไม่ค่อยรุ่งเรืองในแผ่นดินจีน ประกอบกับคนยังนับถือเทพ ผี และสิ่งงมงายต่าง ๆ ทำให้คนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจในเรื่องหลักธรรม จึงไร้ธรรมะเป็นที่พึ่งและยึดปฏิบัติ
กำเนิดพระโพธิสัตวกวนอิม
วันออกบวชเจ้าแม่กวนอิม
เนื่องจากฮ่องเต้ไร้รัชทายาท มีแต่ราชธิดา พระองค์จึงหมายมั่นปั้นมือจะให้องค์หญิงเมี่ยวซ่าน ผู้เป็นธิดาองค์เล็กสืบทอดบัลลังก์มังกร หลังจากที่พระองค์เล็งเห็นแล้วว่า องค์หญิงสาม (เมี่ยวซ่าน) เหมาะสมที่สุด เพราะฮ่องเต้เมี่ยวจวงทรงปรึกษาด้านการเมืองด้วยบ่อยครั้ง และมักจะได้คำแนะนำดี ๆ จากธิดาองค์นี้เสมอ ในขณะที่องค์หญิงใหญ่ (เมี่ยวอิม) เอาแต่ใจ ชอบเป็นใหญ่ มีนิสัยฟุ่มเฟือย หนักไม่เอา เบาไม่สู้ ไร้ปัญญาและองค์ความรู้ ทำให้ไร้ความสามารถที่จะปกครองคนได้ ส่วนองค์หญิงรอง (เมี่ยวหยวน) จิตใจอ่อนโยน แต่อ่อนแอและไม่หนักแน่นเด็ดขาด ใจดีมากเกินไป ยากที่จะปกครองคนให้อยู่ในอำนาจได้ ทำให้แจ็กพอตลงที่องค์หญิงสามเมี่ยวซ่าน และมีความเหมาะสมทั้งในด้านสติปัญญา ความรู้ความสามารถ และความเอาใจใส่ในทุกข์สุขของประชากร
แต่องค์หญิงเมี่ยวซ่านกลับปฏิเสธ เพราะไม่สนใจในเรื่องของอำนาจและยศถาบรรดาศักดิ์ใด ๆ เพราะองค์หญิงสามไม่สนใจในยศฐาบรรดาศักดิ์ใด ๆ พระนางมักจะปลอมตัวเป็นหญิงชาวบ้านธรรมดาออกไปเยี่ยมเยียนประชาชนอย่างใกล้ชิด คอยช่วยเหลือและสอนให้ความรู้แก่ชาวบ้านอยู่เสมอ แต่ด้วยองค์หญิงเมี่ยวซ่านมีบุญสัมพันธ์กับพุทธศาสนา พระนางได้พบกับผู้เฒ่าท่านหนึ่ง (เป็นเซียนแปลงกายมา) ขณะออกพบชาวบ้านตามปกติ และได้มอบตำราโบราณให้องค์หญิงจำนวนหนึ่ง โดยส่วนใหญ่เป็นตำราทางพุทธศาสนา องค์หญิงสามทรงเพียรศึกษาตำราเหล่านั้น ทำให้เกิดความเลื่อมใสในพุทธศาสนามากยิ่งขึ้น แต่มีตำราเล่มหนึ่งไร้ตัวอักษร คือ เป็นตำรากระดาษเปล่า แต่ด้วยแรงศรัทธาอันแรงกล้าที่ต้องการได้รู้ซึ้งถึงพระธรรม และต้องการนำไปช่วยเหลือมนุษย์ให้พ้นทุกข์ พระองค์ทรงอธิษฐานและตั้งปณิธาน หากท่านมีบุญวาสนาที่จะได้พบทางแห่งปัญญา ขอให้สามารถศึกษาวิชาจากตำรานี้ได้ และเมื่อสิ้นคำอธิฐาน ได้ปรากฏตัวอักษรขึ้นบนหน้าหนังสือ โดยมีใจความพอสังเขปว่า “ไม่ต้องค้นหาทางไปสวรรค์ เพราะสวรรค์อยู่ที่ใจของเราเอง” ทำให้องค์หญิงเมี่ยวซ่านซาบซึ้งในหลักธรรม และตัดสินใจออกบวชเป็นแม่ชี ในวันที่ 19 เดือน 9
เมื่อฮ่องเต้เมี่ยวจวงทรงทราบเรื่องดังกล่าวก็ทรงกริ้วเป็นอย่างมาก เพราะต้องการให้ธิดาเมี่ยวซ่านเป็นรัชทายาทเพื่อสืบทอดบัลลังก์ พระองค์ได้ประกาศหาราชบุตรเขย พร้อมทั้งอวยยศให้กับองค์หญิงเมี่ยวซ่าน แต่องค์หญิงสามยืนกรานที่จะบวชศึกษาธรรมะ และปฏิเสธอภิเษกสมรส รวมไปถึงการปกครองบ้านเมือง ยิ่งทำให้ฮ่องเต้ทรงกริ้วหนัก สั่งให้องค์หญิงเมี่ยวซ่านไปทำงานของบ่าวไพร่ทุกชนิด เพื่อหวังให้ความลำบากเปลี่ยนใจธิดาของตน แต่ด้วยบุญญาธิการขององค์หญิงเมี่ยวซ่าน ทำให้มีเหล่าเทพและเซียนคอยให้การช่วยเหลือในงานหนักทั้งหลาย ยิ่งทำให้องค์หญิงสามมีเวลาศึกษาธรรมะได้มากขึ้น เมื่อฮ่องเต้เห็นว่าวิธีนี้ไม่ได้ผล จึงขับไล่ให้องค์หญิงสามไปอยู่วัดนกยูงขาว โดยให้ทำงานหนักทุกชนิดเหมือนกับทาสคนหนึ่ง และกำชับห้ามใครให้การช่วยเหลือ คำสั่งฮ่องเต้ถือเป็นเด็ดขาดที่ไม่ว่าใครก็ห้ามขัดขืน
ขณะที่องค์หญิงเมี่ยวซ่านอาศัยอยู่ในวัดนกยูงขาว ยิ่งทำให้พระองค์มีเวลาศึกษาธรรมะได้อย่างเต็มที่ และได้ดวงตาเห็นธรรมมากขึ้น โดยไร้อุปสรรคใด ๆ เพราะมีเหล่าเทพเซียนทั้งหลายคอยให้การช่วยเหลือในงานต่าง ๆ ทำให้องค์หญิงได้ศึกษาธรรมะอันเป็นกุศลใหญ่หลวงในกาลครั้งหน้า แต่ด้วยความตั้งใจของฮ่องเต้ที่ส่งธิดาองค์เล็กให้มาทรงลำบากที่วัดนี้ เพื่อหวังให้เปลี่ยนใจและกลับไปเข้าพิธีอภิเษกสมรส แต่เมื่อภารกิจล้มเหลว เป็นการจุดชนวนความโกรธอย่างสุดขีดแก่ฮ่องแต้ พระองค์จึงรับสั่งให้เผาทำลายวัด เพื่อให้องค์หญิงตายไปพร้อมกับชีซือไท่และเหล่านางชีทุกคนในวัดนกยูงขาว
จุดกำเนิดตำนานอภินิหารเจ้าแม่กวนอิม
หลังจากที่ฮ่องเต้รับสั่งให้เผาวัดนกยูงขาว เพื่อฆ่าทุกคนในวัดให้ตายทั้งเป็นท่ามกลางเปลวเพลิง ขณะที่แม่ชีในวัดมรณะทั้งหมดในกองไฟ แต่พระแม่กวนอิม (องค์หญิงเมี่ยวซ่าน) รอดโดยปาฏิหาริย์ ด้วยมีฐานบัวมารองรับพระองค์ ซึ่งเป็นอภินิหารครั้งที่ 1 ใน 3 อภินิหาร ที่เราจะได้กล่าวถึงต่อไป
เมื่อฮ่องเต้เมี่ยวจวงทรงรู้ว่าธิดาองค์เล็กของตนรอดชีวิต ฮ่องเต้ได้สั่งให้รับสั่งให้ทหารจับตัวองค์หญิงสามไปประหารชีวิตที่ลานประหาร แต่เมื่อเพชรฆาตลงดาบบั่นคอองค์หญิง ดาบประหารหักลง และไม่ว่าเพชรฆาตจะลงดาบใหม่กี่ครั้ง หรือเปลี่ยนดาบเล่มใหม่สักกี่เล่ม ดาบก็หักทุกครั้ง ทำให้ฮ่องเต้เมี่ยวจวงกริ้วอย่างหนักและสั่งประหารเพชรฆาตรายที่ทำงานไม่สำเร็จ (อภินิหารครั้งที่ 2)
วันตรัสรู้ของพระแม่กวนอิม
องค์หญิงเมี่ยวซ่านได้บรรลุธรรมในตำนานอภินิหารครั้งที่ 3 หลังจากที่รอดชีวิตจากลานประหาร ฮ่องเต้เมี่ยวจวงจึงรับสั่งทหารนำผ้าแพรขาวมอบแก่องค์หญิงเมี่ยวซ่านปลิดชีพตนเองด้วยการผูกคอตาย แต่เมื่อองค์หญิงผูกคอเข้ากับขื่อ ผ้าแพรได้ขาด และขณะที่องค์หญิงสามร่วงหล่นจะถึงพื้น มีเสือขาว (เทพไท่ไป๋แปลงกาย) มารับร่างองค์หญิงสามและนำตัวออกไปจากลานประหาร เมื่อฮ่องเต้เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว ทรงคิดว่าอย่างไรเสียธิดาของตนก็ต้องตายจากการเป็นเหยื่อของเสือตัวนั้น จึงไม่ได้สั่งทหารให้ไล่ตามไปแต่อย่างใด
เสือขาวได้นำองค์หญิงสามขึ้นไปบนภูเขา และเมื่อเห็นว่าไม่มีใครตามมาแล้ว เทพไท่ไป๋ที่อยู่ในร่างเสือขาวก็แปลงกายเป็นเซียนเฒ่า และคอยชี้แนะ เพียรสอนวิชา ไขปริศนาธรรมให้กับองค์หญิงสามจนได้บรรลุธรรมในวันที่ 19 เดือน 6 คือ วันตรัสรู้ของพระแม่กวนอิม
อภินิหารพระโพธิสัตว์กวนอิมพันกร พันเนตร
หลังจากที่พระแม่กวนอิมตรัสรู้เป็นพระโพธิสัตว์ได้ไม่นาน ฮ่องเต้เมี่ยวจวงทรงล้มป่วยด้วยโรคร้าย ที่ไม่มียาและหมอวิเศษคนไหนในแผ่นดินสามารถรักษาได้ พระแม่กวนอิมทรงรู้ด้วยพระญาณบารมีอันบริสุทธิ์ถึงคราวเคราะห์กรรมของพระราชบิดา และการรักษาในครั้งนี้จะต้องใช้เลือดเนื้อ พระโพธิสัตว์กวนอิมจึงได้เดินทางไปรักษาฮ่องเต้ ด้วยการควักลูกตาและตัดแขนของพระองค์เองในการใช้ทำยารักษา เพื่อตอบแทนคุณพระบิดาโดยมิได้ลังเลหรือหวาดกลัวใด ๆ ด้วยมหากตัญญูกตเวทีของพระแม่กวนอิมในครั้งนี้ ส่งผลให้พระองค์ได้สำเร็จมรรคผลเป็นพุทธอริยะ และได้เกิดปฏิหาริย์ขึ้น พระแม่กวนอิมได้ดวงตากลับคืนถึงหนึ่งพันตา หลังจากที่ตาบอดเพราะถูกควักนำไปทำเป็นยา และมีแขนงอกออกมาถึงพันกรแทนแขนที่ถูกตัดขาด (เป็นที่มาของพระแม่กวนอิม ปางพันกร พันเนตร และ บทสวดพระแม่กวนอิม “มหากรุณาธารณีสูตร ไต่ปุยจิว 84” เพื่อสรรเสริญถึงคุณความดีและอภินิหารของพระโพธิสัตว์กวนอิม)